
ตัดกรามแล้วเจ็บไหม? บวมแค่ไหน? ผลข้างเคียงที่หลายคนไม่รู้
การผ่าตัดกรามเป็นหนึ่งในหัตถการที่มีความละเอียดอ่อนสูง ซึ่งมักทำเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความงามหรือการรักษาปัญหาการสบฟันและโครงสร้างใบหน้าที่ผิดปกติ หลายคนที่สนใจการผ่าตัดกรามมักมีคำถามสำคัญว่า “เจ็บไหม?” หรือ “บวมมากแค่ไหน?” และที่สำคัญคือ “ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง?”
การตัดกรามคืออะไร?
การตัดกราม (Jaw Reduction Surgery หรือ Mandibular Angle Reduction) คือหัตถการศัลยกรรมที่มีเป้าหมายเพื่อลดขนาดหรือเปลี่ยนรูปร่างของกระดูกบริเวณมุมขากรรไกรล่าง (มุมกราม) เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวลง สมส่วน และมีความอ่อนละมุนมากขึ้น
เจ็บไหมหลังผ่าตัดกราม?
ในระหว่างการผ่าตัด ผู้ป่วยจะได้รับการดมยาสลบ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บใด ๆ ขณะทำหัตถการ อย่างไรก็ตาม ความเจ็บหลังผ่าตัดสามารถเกิดขึ้นได้บ้าง โดยเฉพาะช่วง 3–7 วันแรก แต่สามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดที่แพทย์จ่ายให้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการปวดในระดับที่ทนได้ และลดลงภายใน 1–2 สัปดาห์
บวมแค่ไหนหลังผ่าตัดกราม?
อาการบวมหลังการผ่าตัดกรามถือเป็นเรื่องปกติ โดยทั่วไป
- ช่วง 48–72 ชั่วโมงแรก จะมีอาการบวมมากที่สุด
- อาการบวมจะค่อย ๆ ลดลงใน 1–2 สัปดาห์
- อาจมีรอยช้ำบริเวณแก้มและกราม ซึ่งจะจางลงภายใน 10–14 วัน
การนอนศีรษะสูง ประคบเย็น ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก และหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนักจะช่วยให้อาการบวมลดลงเร็วขึ้น
ผลข้างเคียงที่หลายคนไม่รู้
แม้การผ่าตัดกรามจะปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มี ผลข้างเคียง ที่ควรรู้ไว้เพื่อการตัดสินใจอย่างรอบด้าน
อาการชา หรือสูญเสียความรู้สึกบางจุด
หนึ่งในผลข้างเคียงที่พบบ่อยคืออาการชา โดยเฉพาะที่ริมฝีปาก ลิ้น หรือคาง อาการนี้เกิดจากการที่เส้นประสาทถูกรบกวนขณะผ่าตัด
- ส่วนใหญ่จะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 3–6 เดือน
- บางรายอาจมีอาการอยู่นานกว่านั้นหรือถาวร
อ้าปากได้น้อยลง (Trismus)
บางคนอาจมีอาการขากรรไกรตึง อ้าปากได้จำกัดในช่วงแรก เนื่องจากกล้ามเนื้อหรือข้อต่ออักเสบ ซึ่งมักดีขึ้นเมื่อทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ
ใบหน้าไม่สมดุล
หากการประเมินก่อนผ่าตัดไม่รอบคอบ หรือแพทย์ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ อาจทำให้รูปหน้าผิดสมดุลได้ การวางแผนด้วย CT Scan 3D และการประเมินสัดส่วนโครงหน้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
ปัญหาการสบฟัน
ผู้ที่ไม่ได้ผ่าตัดร่วมกับการจัดฟัน อาจประสบปัญหาการสบฟันผิดปกติหลังผ่าตัดได้ การร่วมมือกันระหว่างศัลยแพทย์ช่องปากและทันตแพทย์จัดฟันจึงจำเป็นมาก
ติดเชื้อหรือแผลหายช้า
หากผู้ป่วยดูแลแผลไม่สะอาด หรือละเลยคำแนะนำของแพทย์ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ เช่น หนองหรือแผลอักเสบ
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
การพักฟื้นหลังผ่าตัดมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์ โดยมีคำแนะนำสำคัญดังนี้:
- พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการพูดหรือเคี้ยวมาก
- ทานอาหารอ่อนหรือของเหลว เช่น โจ๊ก ซุป นม
- หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำเกลือหลังอาหาร
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ใครบ้างที่เหมาะกับการตัดกราม
- ผู้ที่มีใบหน้าเหลี่ยม มุมกรามชัด หรือกรามใหญ่จากโครงกระดูก
- มีใบหน้ากว้างเกินไปเมื่อเทียบกับสัดส่วนใบหน้าโดยรวม
- ต้องการผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องฉีดโบท็อกซ์ลดกรามซ้ำ ๆ
- มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นข้อห้ามการผ่าตัด
สรุป
การผ่าตัดกรามแม้จะเป็นหัตถการใหญ่ แต่หากทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และดูแลตนเองอย่างถูกวิธี ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างปลอดภัยและมีผลลัพธ์ที่น่าพอใจ อาการเจ็บและบวมมีได้ในช่วงแรก แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้น ส่วน ผลข้างเคียง เช่น อาการชา อ้าปากได้น้อยลง หรือปัญหาการสบฟันนั้นสามารถป้องกันได้ด้วยการวางแผนผ่าตัดที่รอบคอบ
หากกำลังพิจารณาการผ่าตัดกราม อย่าลืมเลือกคลินิกที่มีทีมแพทย์เฉพาะทาง และมีเทคโนโลยีประเมินใบหน้าแบบ 3D เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในระยะยาว