รากฟันเทียมเซรามิก
รากฟันเทียมปราศจากโลหะ 100% วัสดุสีขาวกลมกลืนสีฟันจริง หมดกังวลเหงือกดำ เทคโนโลยีการผลิตจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
รากฟันเทียมเซรามิก พลิกโฉมการทดแทนฟันที่สูญเสียไป ให้คุณได้รอยยิ้มใหม่ที่สมบูรณ์แบบทั้งในแง่ของความแข็งแรง ความสวยงาม และความปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาฟันหลอ จนทำให้ไม่กล้าเผยรอยยิ้มอย่างเต็มที่ หรือกังวลว่าการทำรากเทียมแบบเดิมๆ อาจไม่ตอบโจทย์เรื่องความสวยงามและสุขภาพ
รากฟันเทียมเซรามิก (Ceramic Dental Implants) เป็นเทคโนโลยีการปลูกรากฟันเทียมที่ใช้สำหรับทดแทนรากฟันที่ถูกถอนออกไป โดยวัสดุหลักที่ใช้ผลิตคือ เซอร์โคเนีย (Zirconia) ซึ่งเป็นเซรามิกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในด้านความแข็งแรงทนทานสูง เทียบเท่ากับโลหะ แต่มีสีขาวเหมือนฟันธรรมชาติ ทำให้เป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการทันตกรรมความงามและการแพทย์องค์รวม (Holistic Dentistry) เนื่องจากเป็นวัสดุที่ไร้โลหะ 100% (Metal-free)
ในอดีต รากเทียมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือรากเทียมที่ทำจากไทเทเนียม ซึ่งมีความแข็งแรงและใช้งานได้ดีเยี่ยมมาโดยตลอด แต่ในบางกรณีก็อาจมีข้อกังวลเรื่องสีเทาของโลหะที่อาจจะโผล่ให้เห็นบริเวณขอบเหงือก หรือในผู้ป่วยบางรายที่กังวลเรื่องการแพ้โลหะ
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดของ รากเทียมเซรามิก กับรากเทียมไทเทเนียมที่ใช้กันทั่วไปคือเรื่องของวัสดุและคุณสมบัติทางกายภาพ
- วัสดุ: รากเทียมเซรามิกทำจาก เซอร์โคเนีย ซึ่งเป็นเซรามิกชนิดหนึ่ง มีสีขาวทั้งหมด ไม่มีส่วนประกอบของโลหะ ส่วนรากเทียมทั่วไปทำจาก ไทเทเนียม ซึ่งเป็นโลหะที่มีสีเงิน
- ความสวยงาม: เนื่องจากมีสีขาวเหมือนฟันธรรมชาติ รากเทียมเซรามิก จึงไม่เกิดเงาดำหรือสีเทาบริเวณขอบเหงือกเหมือนกับรากเทียมไทเทเนียม ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปลูกรากฟันหน้า
- การแพ้และการระคายเคือง: รากฟันเทียมเซรามิก เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้โลหะ หรือมีความกังวลว่าการมีโลหะในร่างกายอาจส่งผลกระทบในระยะยาว
- ลดการสะสมคราบแบคทีเรีย: งานวิจัยทางทันตกรรมพบว่าพื้นผิวของรากเทียมเซอร์โคเนียมีความเรียบและหนาแน่น ทำให้มีแนวโน้มในการสะสมคราบจุลินทรีย์ (Plaque accumulation) ได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับไทเทเนียม
ข้อดี ของรากฟันเทียมเซรามิกมีอะไรบ้าง?
- ความสวยงามที่เหนือกว่า ลดปัญหาขอบเหงือกสีเทา สีขาวของวัสดุทำให้ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความสวยงามของรอยยิ้มเป็นอย่างยิ่ง
- เข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อ วัสดุเซอร์โคเนียเป็นมิตรกับร่างกาย เนื้อเยื่อและกระดูกสามารถยึดเกาะกับผิวรากเทียมได้อย่างรวดเร็วและแน่นหนา ลดความเสี่ยงในการเกิดการอักเสบ
- ไร้โลหะ 100% เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า ลดความเสี่ยงของการแพ้โลหะ และโอกาสที่ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน ปลอดภัยในระยะยาว
- ลดการสะสมของแบคทีเรีย พื้นผิวที่เรียบเนียนช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคปริทันต์อักเสบ
- ความทนทานต่อการกัดกร่อน วัสดุเซอร์โคเนียมีความแข็งแรงสูงและไม่เกิดการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมในช่องปาก ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
- เสริมสร้างการไหลเวียนโลหิตและส่งเสริมสุขภาพเหงือก ทำให้เนื้อเยื่อมีสุขภาพดีและช่วยคงสภาพของกระดูกบริเวณรากฟันไว้ได้อย่างแข็งแรง
- อัตราความสำเร็จสูง พื้นผิวได้รับการปรับปรุงด้วยเทคโนโลยี sand-blasted and acid-etched (การพ่นทรายและกัดกรด) ทำให้การยึดเกาะกระดูกเป็นไปอย่างดี ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีอัตราความสำเร็จในการรักษาสูงกว่า 96%
รากเทียมเซรามิกเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ต้องการความสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ต้องปลูกรากฟันหน้า หรือผู้ที่มีเหงือกบาง เพราะจะมองไม่เห็นเงาสีเทาของโลหะ
- ผู้ที่มีประวัติแพ้โลหะ ผู้ที่เคยมีอาการแพ้จากเครื่องประดับ หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทำจากโลหะ
- ผู้ที่ต้องการทางเลือกที่ไร้โลหะ ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาที่ใช้สิ่งปลอมปนในร่างกายน้อยที่สุด
- ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงการเกิดโรคปริทันต์อักเสบ เนื่องจากพื้นผิวที่ลดการสะสมของแบคทีเรียได้ดี
นวัตกรรมทันตกรรมเพื่อการทดแทนฟันที่สูญเสีย ด้วยวัสดุ เซอร์โคเนีย (Zirconia) คุณภาพสูง ปราศจากโลหะ ไม่ทำให้เกิดเงาดำบนเหงือก และช่วยให้ฟันดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
ฉายด้วยรังสื UV เพื่อช่วยให้ผิวรากฟันเทียม ดูดซับน้ำได้ดี เพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อของตัวรากฟันเทียมกับกระดูกขากรรไกร
กระบวนการปลูกรากเทียมเซรามิก ที่ Vertex Dental
1. การวิเคราะห์และวางแผนด้วยเทคนิค NemoSmile
- ทันตแพทย์จะทำการสแกนช่องปาก (Digital Scan) และถ่ายภาพรังสี 3 มิติ (CBCT)
- นำข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่โปรแกรม NemoSmile เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างกระดูกและอวัยวะสำคัญต่างๆ เช่น เส้นประสาท และเส้นเลือด
- ทันตแพทย์จะจำลองตำแหน่งการฝังรากเทียมที่เหมาะสมที่สุดในแบบ 3 มิติ เพื่อความแม่นยำ
- โปรแกรมจะสร้าง Surgical Guide (ไกด์นำร่องการผ่าตัด) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เฉพาะบุคคลที่ใช้เป็นแม่พิมพ์ในการนำทางหัวกรอระหว่างการผ่าตัด เพื่อให้การฝังรากเทียมเป็นไปตามแผนที่วางไว้
2. ผ่าตัดฝังรากฟันเทียมแบบ Digital Guided Surgery
- ทันตแพทย์จะให้ยาชาเฉพาะที่ และวาง Surgical Guide ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะลงบนเหงือกของคนไข้
- ทำการเจาะรูในกระดูกตามตำแหน่งและองศาที่แม่นยำตามไกด์นำร่อง
- ขั้นตอนนี้ใช้เวลาสั้นกว่าและมีความแม่นยำสูง ทำให้เจ็บน้อย และลดอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดได้ดี
3. พักฟื้นและรอการสมานของกระดูก
- รอให้รากเทียมรวมตัวเข้ากับกระดูกอย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน
- เมื่อรากเทียมยึดติดกับกระดูกอย่างแน่นหนาแล้ว ทันตแพทย์จะทำการใส่เดือยฟัน (Abutment) และครอบฟัน (Crown) ที่ทำจากวัสดุที่มีสีเหมือนฟันจริง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและใช้งานได้ตามปกติ
การดูแลรักษาหลังการปลูก รากเทียมเซรามิก
เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและคงความสวยงามอยู่เสมอ การดูแลรักษาที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ
- การทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันทุกวัน เพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง งดการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวเกินไป และหลีกเลี่ยงการใช้ฟันกัดของแข็ง
- พบทันตแพทย์ตามนัด เข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและรากเทียมเป็นประจำทุก 6 เดือน หรือตามคำแนะนำของทันตแพทย์
รากเทียมเซรามิก (Ceramic Dental Implants) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกรากฟันเทียมด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านความสวยงาม ความเข้ากันได้ทางชีวภาพ และการไร้โลหะ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของสุขภาพและความงาม หากคุณกำลังมองหาทางออกสำหรับปัญหาฟันหลอ และต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติราวกับฟันจริง พร้อมทั้งความปลอดภัยที่เหนือกว่า “ให้เราช่วยให้คุณได้รอยยิ้มใหม่ที่มั่นใจและสุขภาพดีอย่างยั่งยืน”
ติดต่อเราวันนี้เพื่อขอคำปรึกษาจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การตัดสินใจเลือกทำรากฟันเทียม เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพช่องปากและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน
