ศัลยกรรมเสริมหน้าอก
(Breast Augmentation)
ศัลยกรรมหน้าอกด้วยซิลิโคน
สิ่งสำคัญในการเสริมหน้าอกคือการเลือกใช้วัสดุในการเสริม ที่นิยมใช้กันมีอยู่ 2 ชนิด คือถุงใส่น้ำเกลือและถุงใส่ซิลิโคนเจล ซึ่งแยกออกเป็นผิวเรียบและผิวขรุขระ โดยจะมีสองรูปทรงคือทรงกลมและหยดน้ำ
ผิวเรียบและผิวขรุขระต่างกันอย่างไร
- ซิลิโคนแบบถุงเรียบ จะมีโอกาสเกิดพังผืดมากกว่าแบบขรุขระ หากเกิดพังผืดจะทำให้เต้านมแข็ง รัดเต้านมจนกลม ดูไม่เป็นธรรมชาติ หากมีพังผืดมาก ๆ อาจทำให้เต้านมเบี้ยว
- ถุงแบบน้ำเกลือ สามารถเติมน้ำได้ แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็กอยู่บริเวณ รักแร้ ปานนม ใต้ราวนม โดยแพทย์จะใส่ถุงเข้าไปและเติมน้ำเกลือเข้าตามขนาดที่ออกแบบไว้ แต่มีข้อเสียคือรั่วซึมได้ แต่ไม่มีอันตรายเพราะเป็นน้ำเกลือ มีความปลอดภัยกว่าซิลิโคน
- ถุงซิลิโคนเจล ถ้าถุงซิลิโคนแตกแล้วยังมีซิลิโคนตกค้างอยู่จะไม่ปลอดภัย ถ้าเป็นซิลิโคนที่มีมาตราฐานดีมาก จะเกาะตัวและไม่กระจายไปส่วนอื่น ดังนั้นเมื่อซิลิโคนเกาะตัวกันก็จะสามารถเอาออกได้ง่าย หากเป็นถุงที่มีคุณภาพต่ำก็จะกระจายไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- ถุงซิลิโคนรูปทรงกลม ถุงนมทรงกลมจะตกลงมาคล้ายกับหยดน้ำ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามรูปในท่านอนและท่าตะแคง มีข้อดีคือดูเป็นธรรมชาติในทุกอริยาบถ
รอยแผลผ่าตัด
ตำแหน่งที่ผ่าตัดจะซ่อนไว้ตามการใช้ชีวิตของแต่ละคน หากเป็นคนที่ชอบใส่ชุดว่ายน้ำหรือเสื้อแขนกุดก็ควรผ่าตัดบริเวณปานนมหรือใต้ราวนมแทนทางรักแร้ เป็นต้น
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- โปรดแจ้งอาการแพ้ยา ยาหรืออาหารเสริมที่ใช้ในปัจจุบันก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- หากมีโรคประจำตัว โปรดแจ้งศัลยแพทย์ตกแต่งทราบล่วงหน้า
- งดแอสไพริน (Aspirin) ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และวิตามินอี ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์ และหลังผ่าตัด 4 สัปดาห์
ภาวะแทรกซ้อน
การเกิดพังผืดรอบ ๆ ถุงซิลิโคนเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้หน้าอกแข็ง ไม่นุ่มเป็นธรรมชาติ การแก้ไขทำได้โดยการผ่าตัดเอาพังผืดออกหรือใส่ถุงซิลิโคนใหม่ ในคนไข้น้อยรายอาจจะพบอาการเลือดออก หัวนมชาไร้ความรู้สึกหรือไวต่อความรู้สึก ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หมดไปหลังผ่าตัด หากพบว่ามีการติดเชื้อ (พบได้น้อย) ศัลยแพทย์ตกแต่งจะรีบนำถุงซิลิโคนออกจากหน้าอกคนไข้ทันที และคนไข้จะต้องรออีกประมาณ 2-3 เดือนจึงจะเข้ารับการผ่าตัดใหม่ได้
การรักษาพยาบาล
แพทย์จะพันผ้าพันแผลไว้รอบหน้าอกคนไข้ประมาณ 2 วันหลังผ่าตัด หลังจากนั้นคนไข้สามารถอาบน้ำได้ตามปกติ คนไข้จะต้องเริ่มคลึงหน้าอกเบา ๆ เพื่อลดการเกิดพังผืดรอบ ๆ ถุงซิลิโคนและเพื่อให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติ(ไม่ควรนวดแรงเพราะจะทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง) โดยคลึงครั้งละ 15 – 20 นาที วันละ 3 ถึง 4 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ 1 สัปดาห์หลังผ่าตัดในช่วงเดือนแรกหลังผ่าตัด จากนั้นจึงลดลงเหลือ 1 ถึง 2 ครั้งต่อวัน ที่สำคัญคือต้องตรวจเต้านม (Mammogram) อย่างสม่ำเสมอภายหลังการผ่าตัดโดยจะต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนการตรวจว่าได้ผ่านการเสริมหน้าอกมา
การดูแลบาดแผล
ภายหลังจากถอดผ้าพันแผลที่หน้าอกแล้ว จะต้องสวมยกทรงเฉพาะแบบเพื่อช่วยประคองหน้าอกให้ได้รูปทรง จากนั้นสามารถเริ่มทำกิจวัตรประจำวันหรือออกกำลังเบา ๆ ได้ หลังจากเดือนแรกหลังผ่าตัด หรือเมื่อเริ่มหมดอาการเจ็บปวดไปแล้ว
การเสริมเต้านมมีโอกาสที่ทำให้เกิดนมแข็งเนื่องจากมีพังผืดมารัด ในความเป็นจริงแล้วการนวดนมก็คือการขยับถุงให้มันไปตามช่องที่สร้างไว้เพื่อที่จะให้ช่องเล็กลง เป็นวิธีป้องกันไม่ให้นมแข็ง แต่ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
ศัลยกรรมหน้าอกด้วยการฉีด HA (Hyaluronic acid)
การเสริมหน้าอกด้วยการฉีดสารเติมเต็ม เป็นสารที่มาจากร่างกาย ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมของร่างกาย มักมีสภาพเป็นเจล ก่อให้เกิดความเรียบและยืดหยุ่น ข้อเสียคือจะสลายตัวหายไปตามระยะเวลา จึงทำให้อาจจะต้องเติมเข้าไปเรื่อย ๆ
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการเสริมหน้าอกด้วยสารเติมเต็ม
- เข้ารับการเสริมควรเข้าตรวจหน้าอกที่โรงพยาบาลด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์หรือแมมโมแกรม เพื่อยืนยันว่าไม่มีเนื้องอกหรือซีสต์ก่อนทำการรักษา
- หากมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่มีผลกับการฉีดสารเติมเต็ม ผู้เข้ารับการรักษาควรเข้าพบแพทย์ประจำหรืออาจมีหนังสือรับรองอนุญาตให้เสริมหน้าอกด้วย
- งดวิตามิน อาหารเสริม หรือยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือก เช่นแอสไพริน ก่อนทำการรักษา อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ก่อนการเข้ารับการเสริมหน้าอกผู้เข้ารับบริการควรเตรียมชั้นในขนาดที่พอดีกับขนาดหน้าอกที่ต้องการเพื่อใส่ในตอนกลับบ้าน ลดการบีบอัด อันเป็นผลให้หน้าอกเสียรูป
ขั้นตอนในการเสริมหน้าอก
- แพทย์จะทายาชาบริเวณหน้าอกรวมกับการฉีดยาชา 45 นาที
- ฉีดสารเติมเต็มเข้าไปบริเวณใต้ราวนม ในปริมาณที่ต้องการ
- แพทย์จะนวดคลึงหน้าอก จัดทรงให้สวยได้รูปและคนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น
การดูแลตัวเองหลังการเสริมหน้าอก
- การดูแลตัวเองโดยทั่วไปมีหลักการเดียวกันกับผู้เข้ารับการฉีดสารเติมเต็มในส่วนอื่นๆ ซึ่งผู้ที่เข้ารับการฉีดหน้าอกด้วยสารเติมเต็มควรปฏิบัติ ดังนี้
- ห้ามนอนราบเป็นระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง หลังการฉีดเนื่องจากจำเป็นต้องให้สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปนั้นเซตตัวในรูปทรงที่ต้องการ
- ไม่ควรเข้าห้องซาวน่า หรืออบไอน้ำในระยะแรก ๆ ของการเสริมหน้าอก
- งดสัมผัสรุนแรงในช่วง 1 เดือนแรก เพื่อให้สารเติมเต็มเซตตัวได้รูปทรงที่สวยงามก่อน
- งดนอนคว่ำ 2 สัปดาห์
- ใส่ชุดชั้นในเพื่อประคองทรงตลอดเวลา อย่างน้อย 1 เดือน (งดใส่ชั้นในที่มีโครงลวด)
- ศัลยกรรมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
ศัลยกรรมหน้าอกด้วยไขมันตัวเองคือการย้ายเซลล์ไขมันจากบริเวณที่ไม่ต้องการไปเติมเต็มหน้าอก สามารถอยู่ได้ถาวรและไม่เป็นอันตราย การเสริมทำได้ง่ายเพราะไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่มีรอยแผลเป็น เป็นการใช้เข็มฉีดเท่านั้น นอกจากได้อกอึ๋มแล้วยังได้กำจัดไขมันส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกไปด้วย
ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
- ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
- การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อน้อยกว่าการเสริมซิลิโคน
- เจ็บน้อย การฟื้นตัวเป็นไปได้รวดเร็ว
- ไม่เสี่ยงต่อการแพ้สิ่งแปลกปลอม
- ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใส่ในร่างกาย
- ได้ลดสัดส่วนที่ไม่ต้องการ
- ไขมันที่ฉีดสามารถคงอยู่อย่างถาวร ตลอดไป
- ไม่มีปัญหาเรื่องพังผืดเกาะและหดรัด
การเสริมหน้าอกด้วยวิธีย้ายเซลล์ไขมันเหมาะกับใครบ้าง
- คนที่มีหน้าอกเล็ก ต้องการหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น
- คนที่หน้าอกหย่อนคล้อยไม่ได้รูปทรงสวยงาม
- คนที่ลดน้ำหนักมาก ๆ ทำให้หน้าอกเสียรูปทรง